ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่เรียกว่าไวรัสไข้หวัด (Influenza virus) ซึ่งเป็นไวรัสในตระกูล Orthomyxoviridae โรคนี้สามารถมีอาการที่เริ่มจากอย่างเร็วและมีระดับความรุนแรงตั้งแต่เล็กน้อยถึงรุนแรงได้ โดยส่วนใหญ่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น จมูก, ลำคอ และปอด
เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัด (Influenza virus) ซึ่งเป็นไวรัสในตระกูล Orthomyxoviridae ไวรัสไข้หวัดมีหลายสายพันธุ์ (strain) และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ซึ่งทำให้เกิดการระบาดเยอะขึ้นในช่วงฤดูที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสายพันธุ์
ลักษณะของไข้หวัดใหญ่
- ไข้: มักมีไข้สูงเป็นอาการหลักของไข้หวัดใหญ่
- ไอ: ไอเป็นอาการที่พบบ่อย, โดยบางครั้งอาจเป็นไอแห้งหรือไอมีเสมหะ
- น้ำมูกไหล: น้ำมูกไหลหรือคัดจมูก เป็นอาการที่พบได้
- เจ็บคอ: มีอาการเจ็บคอและคันคอ
- ตาแดง: บางครั้งจะมีอาการตาแดง
- ตัวร้อน: รู้สึกตัวร้อน, ปวดร่างกาย, หรืออาการเหนื่อยหรืออ่อนเพลีย
อาการเหล่านี้อาจมีความรุนแรงตั้งแต่เล็กน้อยถึงรุนแรง, และสามารถเป็นต้นฉบับของภาวะแทรกซ้อนทางระบาดวิทยาได้ เช่น ติดเชื้อแบคทีเรียที่ปอด (secondary bacterial pneumonia) หรือภาวะทางเดินหายใจที่รุนแรง
ไข้หวัดใหญ่ มีความแตกต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างไร ?
ไข้หวัดใหญ่(Influenza)และไข้หวัดธรรมดามีความแตกต่างบางประการ โดยทั่วไปแล้วไข้หวัดใหญ่มีอาการรุนแรงและมีภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่าไข้หวัดธรรมดา
สาเหตุของโรค
- ไข้หวัด ใหญ่:เกิดจากไวรัสไข้หวัด (Influenza virus) ซึ่งมีหลายสายพันธุ์และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
- ไข้หวัดธรรมดา: ที่ส่วนใหญ่เกิดจากไวรัสอื่น, เช่น Rhino virus หรือ Coronaviruses
อาการ
- ไข้หวัด ใหญ่:มักมีอาการรุนแรงมากกว่าไข้สูง, อาการปวดร่างกาย, อ่อนเพลีย, ไอ, น้ำมูกไหล, หายใจลำบากและมีโอกาสเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
- ไข้หวัดธรรมดา: มักมีอาการเบื้องต้น, ไข้สูงไม่มาก, อาการปวดเมื่อย, ไอ, น้ำมูกไหล, และอาจมีน้ำตาลำบาก
ภาวะแทรกซ้อน
- ไข้หวัด ใหญ่:มีโอกาสเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนมากขึ้น, เช่น ติดเชื้อทางเดินหายใจลำบาก, ปอดอักเสบหรือภาวะหัวใจล้มเหลว
- ไข้หวัดธรรมดา: มักไม่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนมากนัก, และส่วนใหญ่จะหายเองภายใน 1-2 สัปดาห์
ระยะเวลาที่มีอาการ
- ไข้หวัด ใหญ่:อาจมีอาการรุนแรงภายในไม่กี่วัน แต่ความเจ็บป่วยและอ่อนเพลียอาจคงอยู่นาน
- ไข้หวัดธรรมดา: มักมีระยะเวลาที่มีอาการเบื้องต้นและหายเองภายใน 1-2 สัปดาห์
การระบาด
- ไข้หวัด ใหญ่:มักมีการระบาดที่มากกว่าและมีผลกระทบต่อสังคมมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูที่เปลี่ยนแปลง
- ไข้หวัดธรรมดา: มักเป็นโรคที่พบบ่อยตลอดปี, ไม่ว่าจะเป็นฤดูหนาวหรือฤดูร้อน
การรู้จักรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดธรรมดาที่มีลักษณะอาการและผลกระทบที่แตกต่างกันไป แต่ควรระมัดระวังเสมอและปรึกษาแพทย์หากมีอาการไม่ดีขึ้นหรือมีภาวะแทรกซ้อนทางการแพทย์
ไข้หวัดใหญ่มีภาวะแทรกซ้อนอะไรได้บ้าง?
ไข้หวัดใหญ่(Influenza)มีภาวะแทรกซ้อนหลายประการทางการแพทย์ที่อาจเกิดขึ้นหากไม่ได้รับการรักษาหรือการดูแลอย่างเหมาะสม ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้มักเกิดในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีภาวะทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการฉีดเชื้อไวรัส ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยรวมถึง
- ปอดอักเสบ (Pneumonia): เป็นภาวะที่เกิดจากการติดเชื้อที่ปอด ทำให้เกิดการอักเสบและผลัดเซลล์ที่ปอด
- ติดเชื้อทางเดินหายใจลำบาก (Bronchitis): การติดเชื้อและอักเสบในท่อลมหายใจทำให้เกิดอาการไอและเสมหะ
- ภาวะทางเดินหายใจลำบาก (Acute respiratory distress syndrome – ARDS): เป็นภาวะที่ปอดไม่สามารถทำหน้าที่เป็นปกติได้ ทำให้เกิดปัญหาในการหายใจ
- ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart failure): ไข้หวัดใหญ่สามารถทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้, โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคเรื้อรัง
- ภาวะตับอักเสบ (Hepatitis): เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ส่งผลต่อตับ
- ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis): เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
- ไข้หวัดเฉียบพลัน (Flu complications): ทำให้เกิดภาวะห้ามขาด หรือภาวะเดินตรงได้ยาก ซึ่งมักเกิดในเด็ก
- อื่น ๆ: การเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเลือด (sepsis), ภาวะหลอดเลือดอุดตัน (stroke), หรือภาวะทางสุขภาพที่ซับซ้อนได้
สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงเช่นผู้สูงอายุ, เด็กเล็ก, หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่มีโรคเรื้อรัง, การรับวัคซีนไข้หวัด (flu vaccine) จะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน หากมีอาการไข้หวัดใหญ่ที่รุนแรงหรืออาการไม่ดีขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาทันทีสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ pass4sures.me – รู้ก่อนใครเรื่องสุขภาพร่างกาย