โรคฝีดาษลิง (Monkeypox): เชื้อไวรัสที่เกิดจากสัตว์และมีความเกี่ยวข้องกับฝีดาษคนโรคฝีดาษลิง(Monkeypox) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ Monkeypox virus ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Orthopoxvirus เหมือนกับเชื้อไวรัสฝีดาษคน (Smallpox) และวัณโรค (Cowpox) โรคนี้มีต้นกำเนิดจากการติดเชื้อในสัตว์ แต่สามารถถูกถ่ายทอดไปยังมนุษย์ได้เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ Monkeypox virus ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Orthopoxvirus ที่เหมือนกับเชื้อไวรัสที่เป็นต้นเหตุของโรคฝีดาษคน (Smallpox) และเชื้อไวรัสที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกันนี้ โรคนี้มักพบในสัตว์, เช่น ลิง, กระแต, กระรอก และสัตว์อื่น ๆ ที่เป็นต้นฉบับของโรค
โรคฝีดาษลิงสามารถถ่ายทอดจากสัตว์สู่มนุษย์, และในบางกรณี, มนุษย์ต่างหากสามารถถ่ายทอดโรคไปยังมนุษย์คนอื่นได้ อาการของโรคฝีดาษลิงมีความคล้ายกับฝีดาษคน, รวมถึงผื่นที่เป็นตุ่ม, ไข้, ปวดกล้ามเนื้อ, อาการเจ็บคอ และอาการปวดศีรษะ
โรคนี้มักพบในทวีปแอฟริกาตอนกลางถึงตะวันตก, โดยสัตว์ที่เป็นต้นฉบับของโรคมักเป็นลิง การป้องกันโรคฝีดาษลิงรวมถึงการป้องกันการสัมผัสกับสัตว์ที่เป็นต้นฉบับของโรค, การให้วัคซีน และการรักษาตามความเสียหายที่เกิดขึ้น
ลักษณะของเชื้อไวรัส
Monkeypox virus เป็นเชื้อไวรัส DNA ซึ่งมีลักษณะที่เข้ากันได้กับ Orthopoxvirus แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า Smallpox virus และมีความสามารถในการแพร่กระจายน้อยกว่า
ต้นกำเนิดและการแพร่ระบาด
โรคนี้มักจะปรากฏในทวีปแอฟริกาตอนกลางถึงตะวันตก โดยสัตว์นำโรคที่สำคัญที่สุดคือลิง เชื้อไวรัสมักจะถูกแพร่ระบาดไปยังมนุษย์ผ่านทางการติดเชื้อจากสัตว์ โดยส่วนใหญ่ผ่านการติดต่อตรงกับสัตว์ที่ประสบปัญหา
อาการของโรค
โรคฝีดาษลิงมีอาการที่คล้ายกับฝีดาษคน แต่มักจะมีความรุนแรงน้อยกว่า อาการที่พบได้รวมถึงผื่นที่เป็นตุ่ม, ไข้, ปวดกล้ามเนื้อ และอาการไอ ในบางกรณี โรคนี้อาจทำให้เกิดอาการรุนแรงและตายได้อาการของโรคฝีดาษลิงมีความคล้ายกับฝีดาษคน รวมถึง
- ผื่นที่เป็นตุ่ม
- ไข้
- ปวดกล้ามเนื้อ
- อาการเจ็บคอ
- อาการปวดศีรษะ
- อาการเหนื่อย
โรคฝีดาษลิง ติดต่อได้อย่างไรบ้าง?
โรคฝีดาษลิงสามารถถ่ายทอดได้ผ่านหลายช่องทาง โดยการติดต่อกับสัตว์ที่เป็นต้นฉบับของโรคหรือจากบุคคลที่ติดเชื้อ นี่คือวิธีที่โรคฝีดาษลิงสามารถติดต่อได้
- การสัมผัสตรง: การสัมผัสตรงกับสัตว์ที่มีเชื้อไวรัส, ได้แก่ ลิง, กระแต, กระรอก, หรือสัตว์อื่นที่เป็นต้นฉบับของโรคสามารถทำให้มนุษย์ติดเชื้อ
- การสัมผัสกับวัตถุที่มีเชื้อ: โรคฝีดาษลิงสามารถถูกติดต่อผ่านการสัมผัสกับวัตถุที่มีเชื้อไวรัส เช่น ขนสัตว์, ตุ่ม, หรือสารสามารถถูกปลดปล่อยจากสัตว์ที่ติดเชื้อ
- การสัมผัสตามละแวกทางอากาศ: การได้รับละแวกทางอากาศจากบุคคลที่ติดเชื้อ ผ่านการไอ, จาม, หรือการพูดคุย, อาจเป็นทางการติดเชื้อได้
- การสัมผัสผลิตภัณฑ์สัตว์: การติดต่อผ่านการบริโภคผลิตภัณฑ์สัตว์ที่มีเชื้อไวรัส, เช่น เนื้อสัตว์ที่ไม่สุก, น้ำนม, หรือเลือดสัตว์ที่ติดเชื้อ
การป้องกันการติดเชื้อควรรวมถึงการป้องกันการสัมผัสกับสัตว์ที่เป็นต้นฉบับของโรค, การล้างมืออย่างถูกต้อง การป้องกันการสัมผัสกับวัตถุที่สามารถมีเชื้อไวรัส การหลีกเลี่ยงการบริโภคผลิตภัณฑ์สัตว์ที่มีเชื้อไวรัส และการให้วัคซีนเป็นต้นฉบับ การปฏิบัติที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรคนี้
การรักษาโรคฝีดาษลิง และการดูแลผิวหนังเมื่อมีการติดเชื้อฝีดาษลิง
การรักษาโรคฝีดาษลิงมุ่งเน้นการบรรเทาอาการ ลดความรุนแรงของโรค และป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสนอกจากนี้ การดูแลผิวหนังเมื่อมีการติดเชื้อฝีดาษลิงนั้นเป็นส่วนสำคัญเพื่อป้องกันการแสดงอาการและลดความรุนแรงของโรค ต่อไปนี้คือขั้นตอนที่สำคัญในการรักษาโรคฝีดาษลิงและการดูแลผิวหนัง
การบรรเทาอาการ
- การให้ยารักษาอาการไข้และปวด
- การให้ยาต้านการอักเสบ
- การให้ยาต้านเชื้อไวรัส (Antiviral medication) ที่มีไวยากรณ์ในบางกรณี
การดูแลผิวหนัง
- การรักษาตุ่ม: ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการรุนแรงต่อตุ่ม เพื่อป้องกันการแตกและการติดเชื้อที่แผล
- การใช้ครีมหรือโลชั่น: เพื่อบำรุงผิวหนังและลดความรู้สึกระคายเคือง
- การให้ยาต้านการคัน: เพื่อลดความรู้สึกคัน
- การเปลี่ยนผ้า: ให้เปลี่ยนผ้าที่มีตุ่มอยู่บ่อย ๆ และไม่ควรตีตุ่ม
- การควบคุมอาการ: ผู้ป่วยควรมีการติดตามอาการอย่างใกล้ชิดโดยทีมแพทย์ เพื่อให้ได้การรักษาที่เหมาะสม
การป้องกันการแพร่กระจาย
- การกักกัน (Isolation): ผู้ป่วยควรถูกกักกันเพื่อป้องกันการแพร่กระจายไปยังผู้อื่น
- การใส่หน้ากาก: เพื่อลดการถ่ายทอดทางอากาศ
การรักษาอาการรุนแรง
- ในกรณีที่มีอาการรุนแรงและภาวะแทรกซ้อน การรักษาในโรงพยาบาลอาจจำเป็น
นอกจากนี้ การปฏิบัติที่ถูกต้องในการป้องกันการติดเชื้อฝีดาษลิงเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่เป็นต้นฉบับของโรค การป้องกันคือส่วนที่สำคัญที่สุดในการควบคุมการแพร่กระจายของโรคฝีดาษลิงสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ pass4sures.me – รู้ก่อนใครเรื่องสุขภาพร่างกาย